เมื่อใดที่คุณเริ่มรู้สึกหมดหวังหมดกำลังใจมีความรู้สึกหม่นหมองไปซะทุกสิ่งทุกอย่างนั่นหมายความว่าคุณเริ่มที่จะหมดไฟไปกับชีวิตของคุณแล้ว เมื่อเจอกับอารมณ์ความรู้สึกที่เป็นด้านลบแบบนี้ อย่างแรกที่จะต้องทำคือ
ตั้งสติ
ลองสำรวจความรู้สึกตนเองดูสิว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้เราเป็นอย่างนี้ ต่อจากนั้นจะต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงวิธีคิดและทัศนคติที่บั่นทอนตัวคุณเอง ยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะปัญหาที่เกิดขึ้นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต มันเป็นเพียงแค่บททดสอบ ใครบ้างจะไม่พบเจอปัญหา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คุณได้แก้ไขปัญหานั้นหรือเพียงแค่เดินหนีมันไป
มองโลกในแง่ดี
ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะต้อง “โลกสวย” ตลอดเวลา การมองโลกในแง่ดีเป็น การมองโลกอย่างเป็นจริง แน่นอนว่าชีวิตต้องเผชิญปัญหา แต่คุณจะเห็นว่ามันคือปัญหาที่แก้ไม่ได้ หรือคือปัญหาที่มีทางแก้ หากเป็นอย่างที่สองละก็ นั่นคือคุณเริ่มมองโลกในแง่ดีแล้วละ นอกจากนี้ยังจะช่วยทำให้คุณมีสุขภาพจิตที่ดี และเมื่อเริ่มมีความคิดที่บวกคุณจะค่อยๆมองเห็นโอกาสได้มากกว่าผู้อื่น
ออกไปค้นหาเป้าหมายในชีวิต
คนจำนวนไม่น้อยมีความฝัน มีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่ว่าก็มีคนอีกจำนวนมากที่ไม่เคยทราบว่าตนเองต้องการอะไรกันแน่ ยิ่งชีวิตประสบปัญหาเข้าบ่อยๆก็เริ่มคิดว่าอนาคตของตนเองมืดมนเหลือเกิน เอาอย่างนี้ไหม? วางปัญหาทุกอย่างลง แล้วลองออกไปท่องเที่ยวดู ไปจากบรรยากาศเดิมๆสถานที่เดิมๆไปพบผู้คนใหม่ๆไปศึกษาวิถีชีวิตของ หากไม่ชอบคนเยอะละก็ลองไปท่องเที่ยวตามธรรมชาติ นั่งสงบจิตใจเงียบๆสักพักหนึ่ง บางครั้งคุณอาจจะพบสิ่งที่คุณชอบ หรือความฝันที่คุณเคยทิ้งมันไปก็ได้นะ
เขียนเป้าหมายในชีวิต
หลังจากพักจิตพักใจแล้วกลับบ้านมาให้รีบเขียนสิ่งดีๆที่คุณพบ แผนการที่คุณต้องการจะทำ แปะไว้ตามหน้ากระจก ประตูห้อง หรือหัวเตียง อ่านมันทุกครั้ง ยิ้มให้มันทุกครั้ง ฝันถึงมันเป็นประจำเมื่อคุณนึกถึงมัน หนทางที่จะพาคุณไปสู่เป้าหมายนั้นก็จะออกมาเอง
รักและเคารพตนเอง
ในข้อนี้ต้องการจะขอให้คุณ รักตนเอง ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รู้สึกภูมิใจในตนเอง บอกตนเองเสมอว่าเรามีคุณค่า หลังจากนั้นคุณจะเริ่มมองหาสิ่งดีๆให้ตนเอง บางทีอาจจะเป็นอาหารที่ดีต่อร่างกายหรือหนังสือดีๆที่สร้างแรงบันดาลใจให้คุณได้